ยังมีอีกหลายคนที่อยากจัดฟันเพื่อดูแลสุขภาพช่องปากตัวเองแต่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ ว่าจะจัดฟันเลยดีไหม จะมีปัญหาหลังจัดฟันเสร็จหรือไม่ ถึงมีแล้วจะมีมากน้อยแค่ไหน และมีวิธีรับมือหรือป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาภายในช่องปากเราได้อย่างไรบ้าง มาอ่านไปด้วยกันเลยค่ะ
ปัญหาหลังจัดฟันเสร็จมีอะไรบ้าง แก้ไขอย่างไรดี
1. ปวดฟันหลังจัดฟัน
โดยทั่วไปแล้วคนไข้จะไม่มีอาการปวดฟันทันทีที่ติดเครื่องมือจัดฟัน แต่จะเริ่มปวดหลังจากติดเครื่องมือไปแล้ว 2 – 3 วัน หรือไม่เกิน 1 สัปดาห์ ซึ่งอาการปวดฟันถือเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าฟันของเรากำลังเคลื่อนที่เนื่องจากกระดูกที่รองรับฟันก็เริ่มละลายและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ก่อให้เกิดอาการปวดบวมตามมา แต่อาการปวดจะค่อย ๆ หายไปเนื่องจากยางหรือโอริงที่ทันตแพทย์ใส่เข้าไปจะหมดความตึงและไม่มีแรงส่งไปที่ฟัน ทำให้ฟันไม่เคลื่อน ส่งผลให้ไม่มีอาการปวดฟันอีกจนกว่าจะถึงช่วงปรับเครื่องมือในรอบถัดไป แต่อย่างไรก็ตามการรับประทานแต่อาหารอ่อนและรับประทานยาตามที่ทันตแพทย์จ่ายมาจะช่วยบรรเทาอาการปวดให้หายยิ่งขึ้นค่ะ
2. ฟันเหลืองหลังจัดฟัน
เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นแสงจากธรรมชาติที่ตกกระทบมายังฟันน้อยลงเนื่องจากมีเครื่องมือมาบังแสง ส่งผลให้ฟันดูสีเข้มขึ้น นอกจากนี้ยังเกิดจากเศษอาหารเกาะติดตามซอกฟันหรือตามเครื่องมือจัดฟันได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้เราสามารถแก้ปัญหาปัญหาฟันเหลืองได้ด้วยการทำความสะอาดฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาทีด้วยแปรงจัดฟัน, แปรงกระจุกและไหมขัดฟัน หรือไหมขัดฟันน้ำควบคู่กัน, รับประทานอาหารที่มีสีเกาะติดง่ายให้น้อยลง เช่น ชา กาแฟ โกโก้ พริกแกง แกงเหลือง หรือหากรับประทานก็ควรจิบน้ำตามเยอะ ๆ เพื่อลดเศษคราบที่ติดอยู่ตามตัวฟันให้น้อยลง นอกจากนี้คนไข้อาจใช้ไวเทนนิ่งเพน (สารฟอกสีฟัน) ทาบริเวณฟันระหว่างจัดฟันได้ เพียงแต่ต้องอยู่ในการดูแลของทันตแพทย์เท่านั้นค่ะ
3. ทำความสะอาดฟันยากหลังจัดฟัน
หลังจากติดเครื่องมือจัดฟันแล้วจะมีช่องว่างให้แปรงสีฟันเข้าไปทำความสะอาดเศษอาหารตามซอกฟันได้น้อยลงเนื่องจากมีเครื่องมือติดอยู่ ดังนั้นคนไข้จึงต้องใส่ใจในการทำความสะอาดช่องปากให้มากกว่าแต่ก่อนเป็นเท่าตัว ทั้งในส่วนของการเลือกแปรงสีฟันจะต้องเป็นแปรงสำหรับคนจัดฟันโดยเฉพาะ ลักษณะขนแปรงแถวกลางจะต้องสั้นกว่าส่วนอื่นเพื่อให้ทำความสะอาดฟันและเหล็กจากเครื่องือจัดฟันได้อย่างพอดี นอกจากนี้จะต้องใช้แปรงซอกฟันและแปรงกระจุกสำหรับกำจัดเศษอาหารในบริเวณที่แปรงสีฟันทำความสะอาดไม่ถึงอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการใช้ไหมขัดฟันสำหรับคนจัดฟันอย่างไหมขัดฟันน้ำที่ค่อนข้างสะดวกกว่าไหมขัดฟันทั่วไป ก็ถือว่าสะดวกไม่น้อยเลยค่ะ และที่สำคัญคนไข้ควรใช้เวลาทำความสะอาดให้นานขึ้น จากเดิมที่แปรงเพียง 2 นาที ให้เพิ่มเป็น 4 – 5 นาที เพื่อไม่ให้คราบติดตามซอกฟันและเครื่องมือจัดฟันนั่นเองค่ะ
4. ใช้ชีวิตลำบาก
ทั้งจากอาการพูดไม่ชัด น้ำลายไหลบ่อย ไม่สามารถควบคุมน้ำลายที่ไหลออกจากปากได้ เนื่องจากมีเครื่องมือติดในปากอันเนื่องมาจากยังไม่คุ้นเคยชิน, รับประทานอาหารลำบากแถมมีเศษอาหารติดตามซอกฟันง่ายกว่าเดิม ส่งผลให้แบคทีเรียเข้ามาย่อยเศษอาหารและทำปฏิกิริยาจนเกิดกลิ่นปากและเกิดภาวะเหงือกร่นตามมา, มีแผลในปากเนื่องจากตัวเครื่องมือเสียดสีกับแก้มหรือเหงือกเป็นเวลานาน และอื่น ๆ อีกมาก
สำหรับวิธีแก้นั้นคนไข้จะต้องหมั่นทำความสะอาดช่องปากทุกครั้งหลังมื้ออาหาร พยายามไม่ปล่อยให้มีเศษอาหารติดอยู่ตามซอกฟันเป็นเวลานาน ส่วนอาการพูดไม่ชัด น้ำลายไหลบ่อยนั้นไม่ต้องเป็นกังวลไปค่ะเพราะอาการเหล่านี้จะหายไปเองเมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชินกับเครื่องมือจัดฟันค่ะ และในกรณีที่เครื่องมือจัดฟันทิ่มเหงือกจนเป็นแผล แนะนำให้ทาขี้ผึ้งที่ทันตแพทย์ให้มา ทาบริเวณปลายเหล็กหรือแบร็คเก็ตเพื่อบรรเทาอาการค่ะ
5. ปัญหาสุขภาพช่องปาก
ไม่ว่าจะเป็นโรคเหงือกร่น, เหงือกอักเสบ, ฟันผุ และอื่น ๆ อีกมาก ที่อาจเกิดจากการดูแลสุขภาพช่องปากได้ไม่ดีเท่าที่ควร หรือแม้แต่การละเลยปัญหาที่เกิดขึ้นภายในช่องปาก ทั้งมีกลิ่นไม่พึงประสงค์, มีแผลที่ปาก, เศษอาหารติดอยู่ตามซอกฟัน รวมถึงไม่ได้พบทันตแพทย์ที่ทำการรักษาเป็นเวลานานจนปัญหาบานปลาย หากเกิดฟันผุรุนแรงอาจถึงขั้นโพรงประสาทฟันอักเสบและเนื้อเยื่อในโรงประสาทฟันเกิดการติดเชื้อจนเสี่ยงต่อการสูญเสียฟันในระยะยาว หรือหากปล่อยให้เกิดแผลเรื้อรังในช่องปากอาจรุนแรงจนกลายเป็นเกิดมะเร็งช่องปากในที่สุดค่ะ ดังนั้นการทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธีตามคำแนะนำของทันตแพทย์และเข้าพบทันตแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้ง นอกจากจะช่วยให้ผลลัพธ์การรักษาเป็นไปตามแผนที่วางไว้แล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากในอนาคตอีกด้วยค่ะ
รวมทุกปัญหาหลังจัดฟันเสร็จ พร้อมวิธีแก้ที่คนจัดฟันต้องรู้ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/
