ตลาดสินค้าจากโรงงานอุตสาหกรรม โพสขายฟรี
หมวดหมู่ทั่วไป => ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย Post ฟรี ประกาศขายของฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 12 มิถุนายน 2025, 21:35:08 น.
-
Doctor At Home: โรคเชื้อราในช่องปาก (Oral Thrush หรือ Oral Candidiasis) (https://doctorathome.com/)
โรคเชื้อราในช่องปาก (Oral Thrush หรือ Oral Candidiasis) เป็นภาวะที่เกิดจากการติดเชื้อราในช่องปาก โดยส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Candida albicans ซึ่งเป็นเชื้อราที่ปกติมีอยู่แล้วในช่องปาก ทางเดินอาหาร หรือผิวหนังของคนเรา แต่เมื่อเกิดความไม่สมดุลหรือระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เชื้อราจะเจริญเติบโตมากเกินไปจนก่อให้เกิดอาการได้
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
โรคเชื้อราในช่องปากไม่ได้เป็นโรคติดต่อเสมอไป แต่มักเกิดจากปัจจัยภายในที่ส่งเสริมให้เชื้อราเจริญเติบโตมากเกินไป:
ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด
ทารกและเด็กเล็ก: ระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่เต็มที่
ผู้สูงอายุ: ภูมิคุ้มกันเสื่อมลงตามวัย
ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง: เช่น ผู้ป่วย HIV/AIDS, ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา, ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะและได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
การใช้ยาบางชนิด:
ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics): การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานอาจไปทำลายแบคทีเรีย "ดี" ในช่องปากที่ช่วยควบคุมเชื้อรา ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้
ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressants): เช่น ยาสเตียรอยด์ (ทั้งแบบรับประทานและแบบพ่น/สูดดมสำหรับโรคหอบหืดหรือภูมิแพ้)
ภาวะสุขภาพบางอย่าง:
โรคเบาหวาน: ผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี มีระดับน้ำตาลในเลือดและในน้ำลายสูง ซึ่งเป็นอาหารของเชื้อรา
ภาวะปากแห้ง (Dry Mouth / Xerostomia): น้ำลายมีบทบาทในการชะล้างและควบคุมเชื้อโรค การมีน้ำลายน้อยลงทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี
การใส่ฟันปลอม: โดยเฉพาะฟันปลอมที่ทำความสะอาดไม่ดีหรือไม่ถอดแช่น้ำยาตอนกลางคืน ทำให้เชื้อราสะสมอยู่ใต้ฟันปลอมได้
สุขอนามัยในช่องปากที่ไม่ดี: การแปรงฟันไม่สะอาดหรือไม่ดูแลช่องปากอย่างสม่ำเสมอ
การสูบบุหรี่: อาจเพิ่มความเสี่ยง
อาการของโรคเชื้อราในช่องปาก
อาการที่พบบ่อยได้แก่:
ฝ้าขาวครีม: มีลักษณะเป็นปื้นหรือจุดสีขาวครีมคล้ายคราบนม หรือคราบตะไคร่น้ำ เกาะอยู่บนลิ้น กระพุ้งแก้ม เพดานปาก เหงือก และต่อมทอนซิล เมื่อลองเช็ดหรือขูดออกอาจเห็นรอยแดงหรือมีเลือดออก
แดง บวม เจ็บ: บริเวณที่มีฝ้าขาวอาจมีอาการแดง บวม และเจ็บปวด
แสบร้อนในปาก: รู้สึกแสบร้อนภายในช่องปาก โดยเฉพาะลิ้น
เจ็บคอ กลืนลำบาก: หากเชื้อราลุกลามลงไปในคอหรือหลอดอาหาร
รสชาติเปลี่ยนไป: อาจรู้สึกรับรสอาหารได้ไม่ดี หรือรู้สึกมีรสขมในปาก
ปากแห้ง: อาจมีอาการปากแห้งร่วมด้วย
ปากนกกระจอก (Angular Cheilitis): มีรอยแตก แดง หรือแสบที่มุมปากทั้งสองข้าง ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อราเช่นกัน
ในทารกและเด็กเล็ก อาการอาจคล้ายคราบนมติดลิ้น แต่เมื่อเช็ดออกแล้วคราบจะยังอยู่ หรือมีเลือดออก เด็กอาจมีอาการหงุดหงิด งอแง ไม่ยอมดูดนม หรือดูดนมได้น้อยลง
การวินิจฉัย
ทันตแพทย์หรือแพทย์มักวินิจฉัยจาก:
การตรวจช่องปาก: ตรวจดูลักษณะของฝ้าขาวและอาการอื่นๆ
การขูดเยื่อบุผิว: ในบางกรณี อาจมีการขูดเอาตัวอย่างฝ้าขาวไปตรวจภายใต้กล้องจุลทรรศน์ เพื่อยืนยันการมีอยู่ของเชื้อรา
การรักษา
การรักษาโรคเชื้อราในช่องปากจะเน้นการกำจัดเชื้อราและแก้ไขปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดโรค:
ยาต้านเชื้อรา:
ยาอมหรือยาน้ำสำหรับบ้วนปาก (Topical Antifungals): เช่น Nystatin (ในรูปแบบยาน้ำแขวนตะกอนสำหรับอมหรือบ้วนปาก) หรือ Clotrimazole (ในรูปแบบยาอม) มักใช้สำหรับอาการไม่รุนแรง หรือในเด็กเล็ก
ยาเม็ดรับประทาน (Systemic Antifungals): เช่น Fluconazole, Itraconazole มักใช้ในกรณีที่อาการรุนแรง ลุกลามลงคอ หรือในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
การแก้ไขปัจจัยเสี่ยง:
สุขอนามัยช่องปากที่ดี: แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟัน ทำความสะอาดลิ้น
การดูแลฟันปลอม: ถอดฟันปลอมแช่น้ำยาทำความสะอาดฟันปลอมทุกคืน และแปรงฟันปลอมให้สะอาด
สำหรับผู้ใช้ยาสเตียรอยด์แบบพ่น: ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าทุกครั้งหลังใช้ยาพ่น
ควบคุมโรคประจำตัว: เช่น ควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวาน
งดสูบบุหรี่
การป้องกัน
รักษาสุขอนามัยช่องปากให้ดี: แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ
ทำความสะอาดลิ้น: ใช้ที่ขูดลิ้นทำความสะอาดลิ้นทุกวัน
ดูแลฟันปลอมให้สะอาด: ถอดฟันปลอมออกตอนกลางคืน และทำความสะอาดตามคำแนะนำของทันตแพทย์
บ้วนปากหลังใช้ยาพ่น: หากใช้ยาสเตียรอยด์แบบพ่น ให้บ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำยาบ้วนปากที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ทุกครั้ง
ควบคุมโรคประจำตัว: โดยเฉพาะเบาหวาน
จำกัดการใช้ยาปฏิชีวนะ: ใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น และตามคำแนะนำของแพทย์
ไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ: เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก
หากสงสัยว่ามีอาการของโรคเชื้อราในช่องปาก ควรปรึกษาทันตแพทย์หรือแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องค่ะ