แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 52
1
บริการทำความสะอาด: เทคนิคการทำความสะอาดห้องนอน

การทำความสะอาดห้องนอนให้สะอาดนั้นอาจะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องยากแค่กวาดๆถูกๆ ก็น่าจะสะอาดแล้ว แต่วันนี้เราเรามีจุดหมกเม็ดที่คุณอาจจะละเลยไปจนกลายเป็นที่สะสมฝุ่นทำให้นอนยังไงก็ไม่สบาย

 จุดหมกเม็ดของ การทำความสะอาดห้องนอน

1. หลังตู้และตามผนังตู้ ภายในตู้เสื้อผ้า

พยายามอย่าเอาสิ่งของไปเก็บไว้ด้านบนเพราะจะยิ่งเป็นตัวช่วยในการเก็บกักฝุ่นให้มากขึ้นภายในตู้เสื้อผ้า แม้จะปิดฝาตู้อย่างดีแล้วก็เถอะ ฝุ่นก็เข้าไปได้นะจ๊ะ

วิธีทำความสะอาด
การทำความสะอาดที่ง่ายที่สุดและทุกคนคงจะทราบดีคือการใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ แล้วเช็ดแต่เราตัวช่วยแนะนำในการกำจัดฝุ่นและช่วยลดการเกาะของฝุ่นให้น้อยและช้าลงได้แก่

                ผ้าไมโครไฟเบอร์ ช่วยให้สามารถเก็บฝุ่นและช่วยลดการกระจายตัวของฝุ่นได้ดี

                น้ำยาดันฝุ่น ช่วยลดการกลับมาเกาะของฝุ่นให้น้อยลง
                ซึ่งเราสามารถผสมน้ำยาดันฝุ่นเองได้ง่ายๆโดยมีส่วนผสมดังนี้
                    น้ำเปล่า 1 ถ้วย
                    น้ำส้มสายชู ¼ ถ้วย
                    น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
                    น้ำมันหอมระเหยสะกัดกลิ่นตามชอบ 1 ช้อนชาซอกมุมต่างๆ
                    ยิ่งมุมเล็กอย่างซอกช่องว่างระหว่างฟูกที่นอนกับเตียงเนี่ย ลองไปดูสิ

2. ใต้เตียง

ยิ่งโดยเฉพาะใต้เตียงที่มีลักษณะปิดทึบ ไม่สามารถกวาดได้อย่าคิดว่าไม่ฝุ่นนะ จุดหมกเม็ดตัวดีเลยล่ะ

วิธีทำความสะอาดใต้เตียง

ตัวช่วยที่จะสามารถกำจัดจุดฝุ่นทั้งสองจุดนี้ได้ดีจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากเครื่องดูดฝุ่น เพียงแต่เราต้องใช้หัวต่อให้เหมาะสมกับพื้นที่ ที่เราต้องการ

3. โคมไฟและอุปกรณ์ตกแต่ง

ห้องเป็นอีกหนึ่งจุดที่ใครหลายๆคนมักจะมองข้ามไป

วิธีทำความสะอาดโคมไฟและอุปกรณ์ตกแต่ง

การทำความสะอาดเพียงแค่คุณหากกระดาษหรือถุงมารองไว้ก่อนเพื่อกันฝุ่นที่ร่วงและกระจายที่พื้นหลังจากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆมาเช็ดตามจุดต่างๆให้ทั่ว หรือหากโคมไฟ/อุปกรณ์แต่งห้องของคุณมีขนาดใหญ่ สามารถหากซื้อลูกกลิ้งกาวมากลิ้งเพื่อเก็บฝุ่นก็ได้นะ

4.ผนังและเพดานบ้าน

การทำความสะอาดบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยนะคะวันนี้เรามีวิธี ทำความสะอาดผนังและเพดานบ้าน มาบอก เพียงแค่มีเวลาซักนิดและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ บ้านของเราก็จะปราศจากฝุ่น เชื้อโรคและยังดูใหม่อยู่ตลอดเวลาด้วยค่ะ ไปดูวิธีทำความสะอาดกันเลย

วิธีทำความสะอาดเพดาน

ทำไม้กวาดถุงน่องโดยสวมถุงน่องเข้าที่ไม้กวาด มัดปากถุงน่องแล้วผูกส่วนขาเข้าด้วยกัน จากนั้นตัดปลายส่วนที่เกินออกทำความสะอาดมุมเพดานด้วยไม้กวาดสวมถุงน่อง
เดือนละครั้งอย่าลืมสวมหน้ากากด้วยนะคะ

ใช้ไม้ดันฝุ่นด้ามยาวช่วยจัดการคราบสกปรกบนเพดานที่เอื้อมไม่ถึง

วิธีทำความสะอาดผนัง

                คราบสกปรกบนผนังมีต้นเหตุมาจากฝุ่นหรือรอยนิ้วมือ
                ใช้ไม้ปัดใยสังเคราะห์ปัดฝุ่นออกสัปดาห์ละครั้ง ปัดจากบนลงล่าง

                หากมีรอยเปื้อนที่เกิดจากนิ้วมือใช้ยางลบลบรอยออก
                ถ้าพื้นผิววัสดุเป็นวอลล์เปเปอร์ให้เช็ดด้วยสารชะล้างภายในบ้าน

2
คำแนะนำในการใช้ท่อลมร้อน ที่เหมาะสมกับโรงงานของคุณ

การเลือกท่อลมร้อนที่เหมาะสมสำหรับโรงงานของคุณนั้นต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ เพื่อให้มั่นใจว่าท่อลมร้อนที่เลือกนั้นเหมาะสมกับการใช้งาน มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีรายละเอียดดังนี้:

1. วิเคราะห์ความต้องการของโรงงาน

ประเภทของอุตสาหกรรม:
แต่ละอุตสาหกรรมมีความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น โรงงานผลิตอาหารต้องการความสะอาดสูง โรงงานเคมีต้องการความทนทานต่อสารเคมี

กระบวนการผลิต:
พิจารณาว่าท่อลมร้อนจะถูกนำไปใช้ในกระบวนการผลิตใด เช่น การระบายความร้อน การอบแห้ง หรือการระบายสารเคมี

อุณหภูมิและความดัน:
กำหนดช่วงอุณหภูมิและความดันของอากาศร้อนที่ท่อลมต้องรองรับ

สภาพแวดล้อม:
พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความชื้น สารเคมี หรือฝุ่นละออง

2. เลือกประเภทของท่อลมร้อน

ท่อลมโลหะ:
เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงทนทานสูง ทนความร้อนได้ดี
เช่น ท่อลมเหล็ก ท่อลมสแตนเลส ท่อลมออะลูมิเนียม

ท่อลมยืดหยุ่น:
เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความยืดหยุ่น ติดตั้งง่าย
เช่น ท่อลมอลูมิเนียมฟอยล์ ท่อลมผ้าใบ ท่อลมพีวีซี

ท่อลมแบบมีฉนวน:
เหมาะสำหรับงานที่ต้องการรักษาอุณหภูมิ ลดการสูญเสียความร้อน
เช่น ท่อลมพรีอินซูเลท

3. เลือกวัสดุที่เหมาะสม

เหล็ก:
แข็งแรงทนทานสูง แต่มีน้ำหนักมาก และอาจเกิดสนิมได้ง่าย

สแตนเลส:
แข็งแรงทนทานสูง ทนความร้อนและสารเคมีได้ดี ไม่เป็นสนิม แต่มีราคาสูง

อะลูมิเนียม:
น้ำหนักเบา ทนความร้อนได้ปานกลาง แต่มีความแข็งแรงน้อยกว่าเหล็กและสแตนเลส

อลูมิเนียมฟอยล์:
น้ำหนักเบา ยืดหยุ่น และติดตั้งง่าย แต่ทนความร้อนได้ปานกลาง และอาจฉีกขาดได้ง่าย

ผ้าใบ:
มีความยืดหยุ่นสูง ทนความร้อนได้ดี แต่ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ

พีวีซี:
มีความยืดหยุ่นสูง สามารถดัดโค้งได้ง่าย แต่ทนความร้อนได้ต่ำกว่าวัสดุอื่นๆ

4. พิจารณาขนาดและรูปแบบ

ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง:
เลือกขนาดที่เหมาะสมกับปริมาณอากาศที่ต้องการระบาย

ความยาว:
กำหนดความยาวให้เหมาะสมกับระยะทางการระบายอากาศ

รูปแบบ:
เลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับพื้นที่ติดตั้ง เช่น ท่อลมแบบตรง ท่อลมแบบโค้ง หรือท่อลมแบบยืดหยุ่น

5. ตรวจสอบมาตรฐานและความปลอดภัย

เลือกท่อลมร้อนที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย เช่น มอก. หรือมาตรฐานสากล
ติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบการติดตั้งสายดินและการระบายอากาศ

6. พิจารณาการบำรุงรักษาและบริการ

เลือกท่อลมร้อนที่ง่ายต่อการตรวจสอบและบำรุงรักษา
ตรวจสอบความพร้อมของอะไหล่และการบริการหลังการขาย

7. กำหนดงบประมาณ

เปรียบเทียบราคาจากผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายหลายราย
พิจารณาค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและการบำรุงรักษา

คำแนะนำเพิ่มเติม
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านระบบท่อลมร้อน เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับโรงงานของคุณ
ตรวจสอบข้อมูลและรีวิวจากผู้ใช้งานจริง เพื่อประกอบการตัดสินใจ
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการเลือกท่อลมร้อนที่เหมาะสมกับโรงงานของคุณ

3
การสร้างอาชีพ จากการขายต้มจืดผักกาดดองใส่กระดูกหมู เมนูไทยคลาสสิก ซดน้ำคล่องคอ รสชาติกลมกล่อมมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

อาหารไทยขึ้นชื่อในเรื่องความสมดุลของรสชาติและต้มจืดผักกาดดองซี่โครงหมูเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของความกลมกลืนนี้ ซุปใสนี้ผสมผสานรสเค็มและเปรี้ยวเล็กน้อยของผักกาดดองเข้ากับรสอูมามิเข้มข้นของซี่โครงหมูตุ๋นเป็นอาหารพื้นบ้านยอดนิยมที่ได้รับความนิยมเนื่องจากให้ความอบอุ่นและคุณค่าทางโภชนาการมีรสชาติกลมกล่อมมีประโยชน์ต่อสุขภาพ วิธีทำก็ไม่ยากสามารถทำกินเองได้ง่าย ๆ

วัตถุดิบ
ในการทำซุปแสนอร่อยนี้ คุณจะต้องมี:
ซี่โครงหมู 500 กรัม (หั่นเป็นชิ้น)
ผักกาดดอง 300 กรัม (ล้างแล้วหั่นเป็นชิ้น)
น้ำ 1 ลิตร
กระเทียม 4-5 กลีบ (บด)
พริกไทยขาว 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้)
น้ำตาล 1 ช้อนชา (ไม่จำเป็น เพื่อความสมดุลของรสชาติ)
ผักชีสดสำหรับตกแต่ง

คำแนะนำ
เตรียมซี่โครงหมู
ต้มน้ำให้เดือด ลวกซี่โครงหมูประมาณ 2 นาที เพื่อเอาสิ่งสกปรกออก สะเด็ดน้ำแล้วล้างด้วยน้ำสะอาด
ทำน้ำซุป

ใส่ซี่โครงหมูลวก กระเทียม และพริกไทยขาวลงในหม้อที่สะอาด 1 ลิตร เคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 30–40 นาที จนซี่โครงนุ่ม
ใส่ผักกาดดองลงไป
ใส่ผักกาดดองหั่นสับลงในหม้อ เคี่ยวต่ออีก 15 นาทีเพื่อให้รสชาติเข้ากัน

ปรุงรสซุป

ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและน้ำปลาตามชอบ หากน้ำซุปเปรี้ยวเกินไป สามารถเติมน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อปรับรสชาติให้สมดุล
เสิร์ฟและเพลิดเพลิน

เมื่อทุกอย่างสุกดีและมีรสชาติดีแล้ว ตกแต่งด้วยผักชีสด และเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

เคล็ดลับ
หากชอบรสเปรี้ยว สามารถเพิ่มน้ำมะขามเปียก หรือน้ำส้มสายชูได้เล็กน้อย
หากชอบรสหวาน สามารถเพิ่มน้ำตาลปี๊บได้ตามชอบ
สามารถใส่เครื่องปรุงอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ เช่น ซีอิ๊วขาว หรือผงปรุงรส
หากไม่มีกระดูกหมู สามารถใช้ซี่โครงหมู หรือหมูสามชั้นแทนได้
ควรเลือกผักกาดดองที่ไม่เค็มมากนัก

ทำไมคุณถึงควรลองเมนูนี้
สบายใจและบำรุงร่างกาย : ซุปนี้เหมาะสำหรับมื้ออาหารเบาๆ แต่อิ่มท้อง
ย่อยง่าย : ผักกาดดองช่วยในการย่อยอาหาร ในขณะที่น้ำซุปช่วยบรรเทาอาการท้องผูก
เต็มไปด้วยรสชาติอูมามิ : การผสมผสานระหว่างซี่โครงหมูและผักกาดดองสร้างรสชาติที่เข้มข้นและอร่อย

ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาซุปอุ่นๆ สำหรับวันอากาศหนาว หรืออาหารเบาๆ เพื่อสุขภาพซุปผักกาดดองกับซี่โครงหมูก็เป็นตัวเลือกที่ดี ลองทำที่บ้านและเพลิดเพลินกับรสชาติอาหารไทยแบบดั้งเดิม

4
ทางเลือกการรักษาโรคหัวใจโดยไม่ต้องผ่าตัด

โรคหัวใจเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเสียชีวิต โดยพบว่าคนไทยป่วยเป็นโรคหัวใจเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน และถึงแม้ว่าโรคหัวใจจะเป็นโรคที่มีความรุนแรงและทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ แต่สามารถป้องกัน และรักษาได้ โดยแนวทางการรักษาโรคหัวใจนั้นไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเสมอไป และด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้นมาก มีวิธีการรักษาต่างๆ ที่พร้อมช่วยรักษาผู้ป่วยให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติที่สุด

อาการนำสำคัญของโรคหัวใจที่ควรไปพบแพทย์

    เจ็บหน้าอกอย่างกะทันหัน และเป็นระยะเวลานาน
    มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ค่อยออก
    เจ็บหน้าอก และรู้สึกปวดร้าวไปถึงบริเวณหัวไหล่
    เจ็บหน้าอกหากทำกิจกรรมที่ใช้แรงมาก
    มีอาการใจสั่น หัวใจเต้นเร็วและรัวกะทันหัน มีอาการหน้ามืด เป็นลมหมดสติ มีอาการวูบไม่รู้สึกตัวกะทันหัน
    มีอาการหอบเหนื่อยง่ายผิดปกติ เหนื่อย หอบ หายใจเร็ว โดยเป็นขณะออกแรง เป็นขณะพัก ไม่สามารถนอนราบได้ นอนกลางคืนแล้วต้องตื่นมานั่งหอบ เดินใกล้ๆ ก็รู้สึกเหนื่อย จะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งต้องระวังอาจจะเป็นภาวะหัวใจล้มเหลว
    อาการหมดสติหรือหัวใจหยุดเต้น

แนวทางรักษาโรคหัวใจโดยไม่ต้องผ่าตัด

แนวทางการรักษาโรคหัวใจในปัจจุบัน มีวิธีการรักษาหลายแบบ ขึ้นอยู่กับประเภทของโรคหัวใจด้วย มักประกอบด้วยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต การใช้ยา และการผ่าตัด แต่ในปัจจุบันแพทย์นิยมทำการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยมีวิธีดังนี้

1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น เลิกสูบบุหรี่ ควบคุมอาหาร ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กำจัดความเครียด

2. การรักษาด้วยยา เช่น ยาต้านเกล็ดเลือด ยาต้านการแข็งตัวของลิ่มเลือด ยาขยายหลอดเลือด ยาควบคุมการเต้นของหัวใจ ยาลดไขมัน ยาควบคุมความดันโลหิต เป็นต้น

3. การทำบอลลูนหัวใจ (Balloon Angioplasty) หรือการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและใส่ขดลวดถ่างขยาย รักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ตัน ซึ่งเป็นหัตถการการรักษาที่สามารถทำได้เลย ต่อจากการฉีดสีดูการตีบของเส้นเลือดหัวใจ โดยจะช่วยดันไขมันที่อุดตันหลอดเลือดอยู่ให้ไปชิดผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดสามารถไหลผ่านจุดที่เคยตีบได้สะดวกขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้ โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำกว่าการผ่าตัดบายพาส เพราะไม่ต้องทำการผ่าตัดและดมยาสลบ

ขั้นตอนในการรักษานั้น ทำได้โดยการสอดสายสวนหัวใจ ซึ่งเป็นท่ออ่อนที่มีบอลลูนขนาดจิ๋วอยู่ตรงปลายเข้าไปทางเส้นเลือดที่บริเวณขาหนีบ หรือข้อมือ เมื่อถึงบริเวณที่เส้นเลือดตีบจึงต่อสายบอลลูนเข้ากับเครื่องมือที่อยู่ภายนอกร่างกาย เพื่อดันให้บอลลูนขยายออก เบียดคราบไขมัน คราบหินปูนที่เกาะอยู่ที่ผนังหลอดเลือดให้ยุบแบนลงและขยายหลอดเลือดให้กว้างออก เพื่อให้เลือดไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ดีอีกครั้ง นอกจากนี้แพทย์อาจพิจารณาใส่ขดลวด (stent) ที่มีลักษณะที่เป็นโครงตาข่าย เข้าไปค้ำยันยึดติดกับผนังหลอดเลือดที่ตีบเพื่อเสริมความแข็งแรงในการขยายหลอดเลือดหัวใจในตำแหน่งที่ทำการขยายบอลลูนร่วมด้วย เพื่อป้องกันการกลับมาอุดตันอีก

4. การจี้ด้วยไฟฟ้าผ่านคลื่นเสียงความถี่สูง (Electro Physiologic Study and Radiofrequency Ablation) เป็นการรักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ ด้วยการใช้สายสวนหัวใจผ่านทางหลอดเลือดที่บริเวณขาหนีบ หลังจากฉีดยาชาเฉพาะที่ (เช่นเดียวกับการตรวจสวนหัวใจเพื่อดูเส้นเลือดหัวใจโดยการฉีดสี) ไปยังตำแหน่งต่างๆ ของหัวใจ เพื่อหาตำแหน่งของวงจรไฟฟ้าหัวใจที่ผิดปกติ อาจทำร่วมกับการกระตุ้นหัวใจช่วงสั้นๆ เมื่อพบตำแหน่งแล้ว แพทย์จะปล่อยคลื่นวิทยุความถี่สูงเป็นจุดเล็กๆ ไปยังตำแหน่งดังกล่าวเป็นระยะเวลา 30 – 60 วินาที เพื่อทำลายเนื้อเยื่อหัวใจที่เป็นสาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้น โดยการรักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะโดยวิธีดังกล่าวได้ผล 95% โดยมีผลแทรกซ้อนน้อยกว่า 1% เช่น หัวใจทะลุ ลิ่มเลือดไปอุดเส้นเลือดที่ปอด เกิดลิ่มเลือดบริเวณที่เจาะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ แต่น้อยและยังไม่เคยเกิดขึ้น และใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลเพียง 1 คืนหลังจากทำเสร็จ หลังจากนั้นก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

5. การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker implantation) เป็นหัตถการเพื่อฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้าไปในผนังหน้าอก ใต้ผิวหนังของผู้ป่วยเพื่อกระตุ้นจังหวะการเต้นของหัวใจ โดยทั่วไปเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจจะช่วยแก้ไขจังหวะการเต้นของหัวใจที่เต้นช้ากว่าที่ควร โดยส่งสัญญาณไฟฟ้าไปยังหัวใจห้องที่ทำงานผิดปกติ ซึ่งสัญญาณไฟฟ้าจะช่วยให้หัวใจเต้นเร็วพอที่จะสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายและอวัยวะส่วนอื่นๆ ได้มากเพียงพอ เนื่องจากหัวใจที่เต้นด้วยจังหวะที่ช้ากว่าปกติจะไม่สามารถสูบฉีดโลหิตเป็นปริมาณมากเพียงพอสำหรับเลี้ยงอวัยวะส่วนอื่นได้ทั้งร่างกาย และเป็นผลให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนเพลียไม่มีแรง หากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอจะทำให้วิงเวียนและมึนศีรษะจนหมดสติได้

    การรักษาโรคหัวใจโดยไม่ต้องผ่าตัดเป็นวิธีที่ปลอดภัย และผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวและกลับบ้านได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตามหากมีอาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก หรืออาการอื่นๆ ที่อาจเกิดจากโรคหัวใจ อย่างปล่อยผ่าน ควรเข้ารับการตรวจหาสาเหตุของอาการดังกล่าว เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี และทันท่วงที

5
จัดฟันบางนา: เครื่องดื่มร้อน เป็นอันตรายต่อเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ?

หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การจัดฟันแบบใสนั้น เป็นการจัดฟันที่ผู้เข้ารับการจัดฟัน สามารถถอดเครื่องมือออกได้ขณะรับประทานอาหาร เพราะเครื่องมือสำหรับผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคลและมีความบาง ใส จึงทำให้สามารถถอดออกได้ง่าย ถึงแม้ว่าการจัดฟันแบบใส จะสามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันขณะรับประทานอาหารได้ แต่ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องมีระเบียบวินัยในการสวมใส่เครื่องมือ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับคนไข้แต่ละบุคคลโดยวางแผนการรักษาในโปรแกรมคอมพิวเตอร์


ซึ่งสามารถแสดงแผนการรักษาออกมาในรูปแบบ 3D โดยเครื่องมือจัดฟันแบบใส สามารถทำให้ฟันของผู้เข้ารับการจัดฟันจัดเรียงได้สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่ากำลังสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันอยู่ ต่างจากการจัดฟันแบบเหล็กทั่วไป โดยเครื่องมือจัดฟันแต่ละชุดจะค่อยๆจัดเรียงฟันอย่างเป็นธรรมชาติ  ทำหน้าที่เคลื่อนตัวของฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ทันตแพทย์ได้วางแผนเอาไว้ ดังนั้น การจัดฟันแบบใส จึงมีผลการรักษาที่แม่นยำ หากผู้เข้ารับการจัดฟันปฏิบัติตามคำแนะนำขอวทันตแพทย์ แต่ทั้งนี้ หลายคนก็เกิดคำถามว่า เวลาที่เราจะต้องดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มที่มีความร้อน เราจะต้องถอดเครื่องมือการจัดฟันออก และถ้าหากเราเผลอดื่มเครื่องดื่มร้อนเข้าไป ในขณะสวมใส่เครื่องมือการจัดฟัน จะมีผลอย่างไร และเป็นอันตรายหรือไม่ วันนี้ทางคลินิกของเรามีคำตอบมาบอก เพื่อเป็นแนวทางให้สำหรับผู้ที่สนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส

ต้องอธิบายก่อนว่า การสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ขณะที่ดื่มน้ำเปล่า เป็นเรื่องปกติและสามารถทำได้ เพราะการดื่มน้ำเปล่า ไม่ได้ส่งผลเสียต่อเครื่องมือการจัดฟัน เว้นเสียแต่ว่า น้ำเปล่าจะมีอุณหภูมิที่ร้อน ถึงจะส่งผลต่อเครื่องมือการจัดฟัน ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ผู้เข้ารับการจัดฟันควรที่จะถอดเครื่องมือการจัดฟันออกขณะรับประทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่ม และหากจะดื่มน้ำเปล่าในขณะที่สวมใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ก็ควรดื่มน้ำที่มีอุณหภูมิปกติ เพราะถ้าหากเราดื่มน้ำร้อน ความร้อนอาจจะส่งผลทำให้เครื่องมือการจัดฟันแบบใสเกิดการเบี้ยวผิดรูปได้ จึงส่งผลให้เครื่องมือการจัดฟันไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ


ดังน้ัน ผู้เข้ารับการจัดฟันไม่ควรดื่มเครื่องดื่ม ขณะที่สวมใส่เครื่องมือการจัดฟัน ถือว่าเป็นข้อห้ามในการเข้ารับการจัดฟันแบบใสเลย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า การจัดฟันแบบใส จะไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ผู้เข้ารับการจัดฟันควรที่จะมีระเบียบวินัยในการสวมใส่เครื่องมือ เพื่อที่จะได้มีผลการรักษาที่แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ และข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส ควรที่ถอดเครื่องมือการจัดฟันออกทุกครั้ง เวลารับประทานอาหาร เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาต่อเครื่องมือการจัดฟันได้ เช่น เกิดการบิดเบี้ยว สีเปลี่ยนไป หรือเกิดรอยบนเครื่องมือการจัดฟันได้ และการเกิดรอยบนเครื่องมือการจัดฟัน ส่งผลทำให้เกิดกลิ่นอันไม่้พึงประสงค์ด้วยเวลาที่เราสวมใส่เครื่องมือ

หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันแบบใส และยังมีประสบการณ์เกี่ยวกับทางด้านทันตกรรมมาอย่างยาวนาน จึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้ทางคลินิกของเรายังได้รับการรับรองสูงสุดจาก Invisalign ให้สามารถให้บริการการจัดฟันแบบใสได้อย่างปลอดภัย มีมาตรฐาน และยังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้เข้ารับการจัดฟันอีกด้วย


อย่างไรก็ตาม ทางผู้เข้ารับการจัดฟันจะมั่นใจได้ว่า หากเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันแบบใส ที่คลินิกของเรา คุณจะมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ มีสุขขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีบุคลิกภาพที่มั่นใจได้อย่างแน่นอน เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีรอยยิ้มที่มั่นใจ สดใส และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

6
bigbike คาวาซากิ ขนทัพรถรุ่นใหม่พร้อมรุ่นพิเศษโชว์พร้อมเปิดจอง

ภายในงาน "มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41" Thailand International Motor Expo 2024 คาวาซากิพร้อมแล้วที่จะพาทุกท่านไปสู่ประสบการณ์การขับขี่ขั้นสุดกับเทคโนโลยีแห่งอนาคตจากรถจักรยานยนต์หลากหลายรุ่น ที่จะยกระดับความสนุก ตื่นเต้น เร้าใจไปอีกขั้น สำหรับไฮไลท์ในงานครั้งนี้ คาวาซากิได้เปิดตัวสีใหม่พิเศษถึง 2 รุ่นด้วยกัน นั่นคือ Kawasaki W230 เอกลักษณ์แห่งต้นกำเนิด

W230 ถูกสร้างมาเพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบความเป็นตำนานมากว่า 60 ปี ของแบรนด์ W โดยทั้ง W230 และ Meguro S1 ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกในประเทศไทยไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งนี้ คาวาซากิภาคภูมิใจ ที่จะนำเสนอสีใหม่ของ W230 เป็นครั้งแรกในไทย กับสี Metallic Ocean Blue/Ebony สีน้ำเงินมหาสมุทรสุดเข้ม ให้ W230 กลายเป็นรถที่เท่ยิ่งกว่าเคย
พร้อมด้วยโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจ W230 สีขาวเท่านั้น รับสิทธิซื้อชุดของแต่ง 3 ชิ้น กันรอยข้างถังน้ำมัน กันล้ม และตะแกรงท้ายเบาะ ได้ในราคา 4,900 บาท จากราคาเต็ม 6,500 บาท

W230 ทั้งสองสี ราคาขายปลีกอยู่ที่ 149,900 บาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ
สีขาว คูปองเงินสดมูลค่า 7,000 บาท ฟรีประกันรถหาย
สีน้ำเงิน คูปองเงินสดมูลค่า 5,000 บาท ฟรีประกันรถหาย
และ Meguro S1 ราคาขายปลีกอยู่ที่ 167,900 บาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ
คูปองเงินสดมูลค่า 5,000 บาท ฟรีประกันรถหาย โดยข้อเสนอถึงสิ้นสุดงาน Motor Expo วันที่ 10 ธันวาคมนี้ เท่านั้น

 รถจักรยานยนต์ซุปเปอร์สปอร์ต 636 ซีซี 4 สูบเรียงที่ล้ำกว่าใครในคลาสของคาวาซากิสำหรับผู้ที่หลงไหลในรถซุปเปอร์สปอร์ต ด้วยการออกแบบที่สืบทอดดีเอ็นเอของตระกูลนินจามาโดยตรง โดยยังคำนึงถึงอากาศพลศาสตร์ จึงออกมาเป็นแฟริ่งหน้าและแฟริ่งข้างที่โฉบเฉี่ยว สะดุดตาและยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่อีกด้วย ในส่วนของเครื่องยนต์ก็ให้กำลังแรงบิดในรอบต่ำ-กลางอันทรงพลัง นอกจากจะให้สมรรถนะที่ดีกว่าในทุกย่านความเร็วเมื่อขับขี่แบบสปอร์ตไม่ว่าจะเป็นเส้นทางบนเขาหรือในสนามแข่งแล้ว แรงบิดที่ทรงพลังกว่าในรอบเครื่องยนต์ต่ำและกลางนี้ ยังช่วยเพิ่มประโยชน์ต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันบนถนนได้ในทุกสถานการณ์

มาในครั้งนี้ พร้อมกับสีใหม่ล่าสุด Metallic Matte Dark Gray/Ebony สีเทาเข้มด้านสุดเท่ จำนวนจำกัด ที่เตรียมมาเพื่องาน Motor Expo ในครั้งนี้โดยเฉพาะ ที่ราคาเดียวกันกับสีเขียวที่ 399,000 บาท

 ไฮไลท์เด่นของงานนี้ คือการเปิดตัวของ 2 รุ่นใหม่ Kawasaki Ninja 500 SE และ Z500 SE

Ninja500 SE และ Z500 SE มาพร้อมกับเครื่องยนต์พัฒนาใหม่ ขนาด 451 ซีซี ที่ให้พละกำลังในช่วงรอบต่ำถึงกลางได้เป็นอย่างดี หรือแม้แต่ในย่านความเร็วสูงก็ทำความเร็วสูงสุดได้อย่างง่ายดาย และด้วยกำลังที่สมดุลและอัตราเร่งที่แข็งแกร่งตลอดทุกรอบเครื่องยนต์ ผสานเข้ากับแชสซีน้ำหนักเบาจึงเหมาะกับการขับขี่ในหลากหลายสถานการณ์รวมถึงในชีวิตประจำวัน เพราะคาวาซากิมุ่งหวังให้นักขับขี่เข้าถึงตัวรถได้ง่ายที่สุด เราจึงทุ่มเทให้กับการออกแบบแชสซี ที่นอกจากน้ำหนักที่เบาแล้ว ยังคล่องแคล่วและมีจุดศูนย์ถ่วงที่สมดุล ให้ความมั่นใจในการขับขี่แก่นักบิดมือใหม่และมือเก๋า

คาวาซากิประเทศไทย คัดเลือกรุ่น Special Edition มาให้ผู้ขับขี่ขาวไทยได้สัมผัสกับเทคโนโลยีสูงสุด ที่มาพร้อมหน้าจอ TFT จอสีคุณภาพสูงที่ให้การมองเห็นได้อย่างชัดเจน ปรับตั้งสีพื้นหลังได้เอง และความสว่างหน้าจอปรับอัตโนมัติ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อใช้ “RIDEOLOGY THE APP” ที่ให้คุณได้สื่อสารกับตัวรถเพื่อดูรายละเอียดต่างๆ นอกจากนี้ยังมีไฟเลี้ยว LED สุดโฉบเฉี่ยวที่แนบไปกันกับตัวรถได้อย่างสวยงาม

Ninja500 SE มาพร้อมกับรูปลักษณ์ตั้งแต่ช่วงหน้าที่โฉบเฉี่ยวในสไตล์รถแข่งตั้งแต่หัวจรดท้าย ตามแบบฉบับของตระกูลนินจา รวมถึงแฟริ่งข้างที่ตัดแต่งทรงมาเป็นอย่างดีเพื่อให้เข้ากับสรีระของผู้ขับขี่จนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับตัวรถ พร้อมเทคโนโลยี KIPASS (Kawasaki Intelligent Proximity Activation Start System) ระบบกุญแจมาสเตอร์ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปิดสวิตช์หลักและล๊อคคอได้จากระยะไกล เพียงพกพากุญแจรีโมทไว้ในกระเป๋า ระบบจะปลดล๊อคสวิตช์หลักให้อัตโนมัติ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน อีกทั้งยังป้องกันการโจรกรรมได้อีกด้วย

Z500SE ยังคงความดุดัน แข็งแกร่งในสไตล์ Sugomi ของตระกูล Z รถเน็กเกตที่พร้อมให้คุณโดดเด่นกว่าใครบนท้องถนน ด้วยไฟหน้า 3 ดวงที่ออกแบบมาใหม่ ให้รูปลักษณ์ที่เข้มยิ่งกว่าเดิม
ทั้ง Ninja500SE และ Z500SE จึงเป็นรถจักรยานยนต์ที่สนุกทุกครั้งที่ได้สัมผัส ด้วยน้ำหนักเบา ขับขี่ง่าย พร้อมพละกำลัง เทคโนโลยี และรูปลักษณ์ที่เหนือขึ้นไปอีกขั้น

สำหรับในประเทศไทย คาวาซากิแนะนำราคาสำหรับทั้ง 2 รุ่นนี้ อยู่ที่ 219,800 บาท พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ คูปองเงินสดกว่า 8,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1 และทะเบียน พรบ.
ข้อเสนอถึงสิ้นสุดงาน Motor Expo วันที่ 10 ธันวาคมนี้ เท่านั้น

นอกจากทั้ง 4 รุ่นไฮไลท์นี้แล้ว ในบูธคาวาซากิยังมีรถจักรยานยนต์จากหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นออฟโรด หรือ แอดเวนเจอร์ มาและพิเศษสำหรับงานครั้งนี้ คาวาซากิยังนำเจ๊ตสกีรุ่น SX-R 160 มาจัดแสดงภายในบูธ ให้ผู้ที่สนใจกิจกรรมทางน้ำได้สัมผัส และชมตัวจริงกันอีกด้วย แรงขับที่ทรงพลังและการควบคุมที่คล่องตัวอันเกิดจากตัวถังรูปตัว V ทำให้ JET SKI® SX-R™ ที่มีเครื่องยนต์ขนาด 1,498cc แต่ยังคงน้ำหนักเบา พร้อมที่จะมอบความสะดวกสบายและความมั่นใจ อัตราเร่งอันน่าทึ่งและสมรรถนะการเข้าโค้งที่ยอดเยี่ยม และสร้างความตื่นเต้นให้คุณไปอีกระดับหนึ่ง

ทุกๆผลิตภัณฑ์ของคาวาซากิ ได้รับการออกแบบและพัฒนาด้วยความใส่ใจในรายละเอียด เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับนักขับขี่ทุกท่าน ขอเชิญทุกท่านเข้ามาเยี่ยมชมและสัมผัสตัวจริง ได้ที่บูธคาวาซากิ G13 ได้ที่งาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 หรือ Thailand International Motor Expo 2024 ณ ชาเลนเจอร์ฮอล 3 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 นี้

7
หมอประจำบ้าน: สิ่งแปลกปลอมเข้าหู (Foreign body in ear canal)

สิ่งแปลกปลอมเข้าหู เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก ส่วนใหญ่ไม่มีอันตราย ส่วนน้อยอาจทำให้หูอักเสบจากการติดเชื้อ

สิ่งแปลกปลอมมักเป็นวัตถุขนาดเล็ก เช่น เมล็ดผลไม้ เมล็ดถั่ว ลูกปัด เศษก้อนยางลบ เศษกระดาษ เศษไม้ เศษอาหาร ชิ้นส่วนของเล่นขนาดเล็ก ถ่านกระดุม (button battery) เป็นต้น มักพบในเด็กเล็กที่ชอบเล่นซนหรืออยากลองอยากรู้ นำวัตถุไปแหย่ใส่เข้าไปติดอยู่ในรูหู ส่วนในผู้ใหญ่อาจเกิดจากการชอบแคะหูหรือปั่นหู แล้วมีเศษสำลีหรือกระดาษทิชชูติดอยู่ในรูหู

บางครั้งอาจเกิดจากเหตุบังเอิญที่มีแมลงขนาดเล็ก (เช่น ลูกแมลงสาบ ยุง มด หมัด เห็บ) บินหรือไต่เข้าไปอยู่ในหู ซึ่งอาจพบได้ในคนทุกวัย การนอนบนพื้น หรือนอนอยู่บริเวณนอกบ้านหรือกลางป่า หรือการอุ้มสัตว์เลี้ยงพาดบ่า มีความเสี่ยงต่อการมีแมลงไต่เข้าหู

สาเหตุ

มักเกิดจากการเอาสิ่งแปลกปลอมแหย่ใส่เข้าไปในหู หรือมีแมลงบินหรือไต่เข้าหู

อาการ

อาการขึ้นกับชนิดและขนาดของสิ่งแปลกปลอม

ถ้าเป็นแมลงเข้าหู อาจมีความรู้สึกว่ามีแมลงดิ้นไปมา หรือมีเสียงดังหึ่ง ๆ อยู่ในหูน่ารำคาญ หรือมีอาการปวดเจ็บในหู

ถ้าเป็นวัตถุแปลกปลอมเข้าหู อาจรู้สึกมีอะไรกลิ้งไปมาในรูหู หรือมีเสียงดังขลุกขลักเวลาเคี้ยวอาหารหรืออ้าปาก-หุบปาก บางครั้งอาจไม่มีอาการอะไรและปล่อยไว้ไม่ได้แก้ไข ก็อาจเกิดอาการปวดเจ็บในหู หูอื้อ มีน้ำหนองไหล (เนื่องจากหูอักเสบ) ตามมา

ถ้าเป็นวัตถุชิ้นโตที่อุดแน่นรูหู ทำให้มีอาการปวดหู หูอื้อ หูตึง การได้ยินลดลง

บางครั้งอาจพบว่ามีเลือดออกจากหู เนื่องจากเป็นสิ่งแปลกปลอมที่มีความแหลมคม หรือเนื่องเพราะมีความพยายามใช้อุปกรณ์เขี่ยเอาสิ่งแปลกปลอมออกเองจนเกิดแผลถลอก

นอกจากนี้ บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ไอหรือกระแอมร่วมด้วย ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่ถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นจากการมีสิ่งแปลกปลอมไประคายเคืองต่อช่องหู

ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนแต่อย่างใด เมื่อเอาสิ่งแปลกปลอมออกก็จะหายเป็นปกติ

แต่ถ้าปล่อยให้สิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในรูหูเป็นเวลานาน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเศษพืช หรือเศษอาหาร) อาจเกิดการติดเชื้อ ทำให้หูชั้นนอกอักเสบ มีอาการไข้ ปวดหู หูอื้อ การได้ยินลดลง มีน้ำหนองไหล

บางรายอาจทำให้เกิดแก้วหูทะลุ

สำหรับสิ่งแปลกปลอมที่เป็นถ่านกระดุม (button battery ซึ่งใช้กับของเล่นและอุปกรณ์ต่าง ๆ) หากปล่อยไว้ สารเคมีภายในถ่านอาจรั่วไหลออกมา ทำให้ผิวหนังในช่องหูไหม้ เยื่อแก้วหูทะลุ เกิดการติดเชื้อแทรกซ้อน รวมทั้งอาจทำลายอวัยวะต่าง ๆ ภายในหูชั้นกลาง ทำให้หูหนวกได้ อันตรายจากถ่านกระดุมนี้มักเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง (พบว่าเร็วสุด อาจเกิดขึ้นหลังเกิดเหตุเพียง 1-2 ชั่วโมง)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

ที่สำคัญคือ การใช้เครื่องส่องหู (otoscope) ตรวจพบสิ่งแปลกปลอมอยู่ในรูหู

ในรายที่สงสัยว่ามีถ่านกระดุม (button battery) เข้าหู แพทย์จะทำการตรวจด้วยการเอกซเรย์


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าเป็นแมลงเข้าหู ให้ผู้ป่วยเอียงหูข้างที่มีแมลงตั้งขึ้นด้านบน แล้วดึงใบหูไปด้านหลังเพื่อให้รูหูอยู่ในแนวตรง แล้วใช้น้ำมันพืช (เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะกอก) น้ำมันทาตัวเด็ก (เบบี้ออยล์) ยาหยอดหู หรือน้ำยากลีเซอรีนโบแรกซ์ ค่อย ๆ หยอดใส่ลงไปในรูหูจนเต็ม รอจนเห็นแมลงไต่หรือลอยขึ้นมา แล้วทำการเขี่ยหรือคีบออก

ถ้าไม่เห็นแมลงไต่หรือลอยขึ้นมา ก็จะให้เอียงหูข้างนั้นลงมาด้านล่าง ให้ของเหลวที่หยอดนั้นไหลออกมา โดยใช้ผ้า กระดาษ หรือภาชนะรอง ดูว่ามีแมลงหลุดออกมาหรือไม่

2. ถ้าเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เป็นวัตถุ ให้เอียงหูข้างที่มีปัญหาไปทางด้านล่าง (หันลงไปทางพื้น) และดึงใบหูไปด้านหลังเพื่อให้รูหูอยู่ในแนวตรง เขย่าศีรษะเบา ๆ ถ้าเป็นสิ่งเล็ก ๆ อาจหลุดออกมาได้

3. ถ้าลองปฏิบัติดังกล่าวแล้วไม่ได้ผล แพทย์จะใช้เครื่องมือช่วยเอาออก ซึ่งมีให้เลือกหลายวิธี ขึ้นกับชนิดของสิ่งแปลกปลอมและตำแหน่งที่สิ่งแปลกปลอมติด เช่น ใช้ปากคีบเล็กคีบออก ใช้เครื่องดูดดูดออก ใช้น้ำฉีดล้างออก เป็นต้น (สำหรับเด็กเล็ก ซึ่งมักดิ้นไปมา ทำให้ยากต่อการทำ แพทย์อาจจำเป็นต้องวางยาให้หลับ)

ผลการรักษา เมื่อนำสิ่งแปลกปลอมออกได้ก็มักจะหายเป็นปกติ

ส่วนในรายที่ปล่อยจนมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์ก็จะให้การรักษาตามภาวะที่พบ (เช่น ให้ยาปฏิชีวนะสำหรับผู้ที่มีหูอักเสบ ให้การรักษาเยื่อแก้วหูที่ทะลุ) ซึ่งมักจะหายขาดได้


การดูแลตนเอง

ถ้าสงสัยว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้าหู ควรไปพบแพทย์โดยเร็วถ้ามีอาการปวดหูมาก หรือมีเลือดหรือน้ำหนองไหล

ถ้าไม่มีอาการดังกล่าว ควรทำการปฐมพยาบาล ดังนี้

1. ห้ามใช้นิ้วมือ ไม้พันสำลี ไม้แคะหู ก้านไม้ขีดไฟ หรืออุปกรณ์ใด ๆ พยายามเขี่ยเอาสิ่งแปลกปลอมออก เพราะอาจดันให้สิ่งแปลกปลอมลึกเข้าไป ทำให้แก้วหูทะลุหรือเกิดแผลถลอกในช่องหูได้ และทำให้การเอาออกในภายหลังมีความยากมากขึ้น

2. ถ้าสังเกตเห็นสิ่งแปลกปลอมได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งไม่ได้เป็นของแข็ง (เช่น เป็นเศษกระดาษ หรือสำลี) และอยู่ตื้นพอที่จะคีบออกได้ ให้ใช้ไฟส่องสว่างเพื่อให้เห็นชัดเจน ใช้ปากคีบหรือแหนบค่อย ๆ คีบวัตถุนั้นออกมา ถ้ายังมีอาการผิดปกติหรือสงสัยว่ายังมีวัตถุบางส่วนตกค้างอยู่ ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว

3. ถ้าสงสัยว่ามีแมลงเข้าหู ให้ใช้น้ำมันพืช (ซึ่งมีอยู่ในห้องครัว) หรือน้ำมันทาตัวเด็ก (เบบี้ออยล์) หยอดใส่เข้าไปในรูหูข้างที่มีอาการ โดยทำตามวิธีเดียวกับการรักษาโดยแพทย์ดังกล่าวข้างต้น (ดูหัวข้อ "การักษาโดยแพทย์" ด้านบน)

วิธีนี้ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีเยื่อแก้วหูทะลุ และไม่ควรใช้กับสิ่งแปลกปลอมที่เป็นวัตถุ เพราะอาจดันให้วัตถุนั้นเข้าไปลึกมากขึ้น และถ้าเป็นวัตถุที่ดูดซับของเหลวได้ (เช่น สำลี กระดาษ เศษพืช เศษอาหาร) ก็อาจทำให้วัตถุพองตัวอุดแน่นรูหูมากขึ้น

4. ถ้าสงสัยมีสิ่งแปลกปลอมที่เป็นวัตถุ ให้เอียงหูข้างที่มีปัญหาไปทางด้านล่าง (หันลงไปทางพื้น) และดึงใบหูไปด้านหลังเพื่อให้รูหูอยู่ในแนวตรง เขย่าศีรษะเบา ๆ ถ้าเป็นสิ่งเล็ก ๆ จะหลุดออกมาได้ หากไม่ได้ผลควรไปพบแพทย์

ไม่ควรใช้ของเหลว (เช่น น้ำ น้ำมันพืช ยาหยอดหู) หยอดหู เพราะนอกจากไม่ได้ประโยชน์แล้ว ยังอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหากมีเยื่อแก้วหูทะลุที่เกิดมาจากสิ่งแปลกปลอม

5. ควรไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีเลือดหรือน้ำหนองไหลออกจากหู หรือมีเยื่อแก้วหูทะลุ ซึ่งไม่ควรหยอดของเหลวเข้าไปในหู
    สิ่งแปลกปลอมเป็นถ่านกระดุม ควรไปพบแพทย์ด่วน เพื่อให้แพทย์ช่วยเอาออกมาให้เร็วที่สุด เนื่องจากหากปล่อยไว้อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ทำให้หูพิการได้
    หลังจากทำการปฐมพยาบาลแล้วไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมา หรือหลังจากเห็นสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาแล้วแต่ยังมีอาการปวดหู หูอื้อ และการได้ยินลดลงอยู่เหมือนเดิม หรือสงสัยว่ายังมีสิ่งแปลกปลอมบางส่วนค้างคาอยู่ในหู
    ไม่มั่นใจที่จะทำการแก้ไขด้วยตัวเอง
    กังวลหรือสงสัยว่ามีสิ่งแปลกปลอมค้างคาอยู่ในหู แม้ผู้ป่วยจะไม่มีอาการ

การป้องกัน

    คอยระมัดระวัง เก็บเศษวัตถุ (รวมทั้งถ่านกระดุม) ทิ้ง ไม่ให้เด็กหยิบได้
    ห้ามปรามและคอยเฝ้าระวัง ไม่ให้เด็กเล็กเล่นซนเอาสิ่งแปลกปลอมแหย่ใส่เข้าไปในหู
    หลีกเลี่ยงการปั่นหู หรือแคะหูเล่น (นอกไม่มีความจำเป็นแล้วยังอาจเกิดผลเสียได้)
    หลีกเลี่ยงการนอนบนพื้นและนอนในที่ที่มีความเสี่ยงต่อการมีแมลงเข้าไปหู
    รักษาที่นอนให้สะอาด และคอยระวังไม่ให้มีแมลงในบ้านและในห้องนอน
    ไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงขึ้นมาบนที่นอน และไม่ควรอุ้มสัตว์เลี้ยงพาดบ่า เพื่อป้องกันไม่ให้เห็บหรือหมัดจากสัตว์เลี้ยงไต่เข้าหู

ข้อแนะนำ

1. เด็กเล็กที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าหูเพราะแอบเล่นซน อาจไม่บอกให้ผู้ปกครองทราบ เพราะกลัวถูกดุหรือลงโทษ ทำให้ไม่ทราบปัญหา และปล่อยปละให้เกิดความล่าช้าในการรักษา จนอาจมีภาวะแทรกซ้อน และมีความยุ่งยากในการรักษาได้ ผู้ปกครองควรสังเกตอาการและพฤติกรรมการเล่นของเด็ก หากเด็กบ่นว่ามีอาการปวดหู หูอื้อ หรือสงสัยมีสิ่งแปลกปลอมเข้าหู (โดยยังไม่มีอาการผิดปกติ) ไม่ควรดุว่าเด็ก ควรพูดคุยถามไถ่ด้วยดี และพาเด็กไปพบแพทย์โดยเร็ว

2. เมื่อพบเด็กมีสิ่งแปลกปลอมเข้าหู ควรตรวจดูให้ถี่ถ้วนว่าอาจมีสิ่งแปลกปลอมในหูอีกข้าง และในจมูกหรือไม่ เพราะบางครั้งเด็กอาจแหย่ใส่วัตถุเข้าหลายที่ก็ได้

3. สำหรับผู้ป่วยที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าหูบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็กที่ชอบดิ้นไปมา ระหว่างทำการเอาสิ่งแปลกปลอมออกแพทย์อาจจำเป็นต้องวางยาสลบ ซึ่งเพื่อความปลอดภัย ผู้ป่วยต้องงดน้ำและอาหารก่อนเป็นเวลา 8-12 ชั่วโมง ดังนั้น ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องเดินทางไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล ควรงดน้ำและอาหารตั้งแต่อยู่ที่บ้าน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอยู่รอเตรียมตัวในการวางยาสลบนานไป

8
motor show: วู่หลิง Wuling Binguo EV DC ICON ปี 2025

Wuling Binguo EV DC ICON ปี 2025 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่น่าสนใจในตลาดประเทศไทย โดยเป็นรุ่นที่ผลิตในประเทศไทยและมาพร้อมการปรับปรุงสเปกบางส่วนเพื่อให้เข้ากับตลาดมากยิ่งขึ้น

ราคาจำหน่ายในประเทศไทย
สำหรับ Wuling Binguo EV DC ICON ปี 2025 มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 429,000 บาท

มิติตัวถัง
ความยาว: 3,950 มม.
ความกว้าง: 1,708 มม.
ความสูง: 1,580 มม.
ระยะฐานล้อ: 2,560 มม.
น้ำหนักตัวถัง: 1,125 กก.
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย: 310 – 790 ลิตร (เมื่อพับเบาะหลัง)
ขุมพลังและสมรรถนะ
มอเตอร์ไฟฟ้า: Permanent Magnet Synchronous Motor ขับเคลื่อนล้อหน้า
กำลังสูงสุด: 50 kW (ประมาณ 68 แรงม้า)
แรงบิดสูงสุด: 150 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่: Lithium-ion (LFP)
ความจุแบตเตอรี่: 31.9 kWh
ระยะทางวิ่งสูงสุด (CLTC): 333 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
ความเร็วสูงสุด: 120 กม./ชม.
อัตราเร่ง 0-60 กม./ชม.: ภายใน 5.8 วินาที

การชาร์จไฟฟ้า:
AC Charging (Type 2): รองรับสูงสุด 6.6 kW ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที (20-100%)
DC Fast Charging (CCS2): รองรับสูงสุด 50 kW ชาร์จจาก 30-80% ในประมาณ 35 นาที
ดีไซน์ภายนอก
Wuling Binguo EV มีดีไซน์ที่น่ารักและเป็นเอกลักษณ์:

ไฟหน้าและไฟท้าย: LED พร้อมไฟ Daytime Running Lights (DRL) แบบ X-Shaped water-shadow-like
ล้อ: ล้อกระทะพร้อมฝาครอบขนาด 15 นิ้ว
กระจกมองข้าง: พร้อมไฟเลี้ยว
มือจับประตู: แบบโครเมียม
ภายในและความสะดวกสบาย (รุ่น DC ICON)
ห้องโดยสารเน้นความเรียบง่ายแต่ใช้งานได้จริง:

หน้าจอ:
หน้าจอคู่ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว (High Definition)
การตกแต่งภายใน: หุ้มหนังแบบนุ่ม
พวงมาลัย: หุ้มหนัง ปรับสูง-ต่ำได้
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่: ECO+, ECO, Normal, Sport
เกียร์: แบบอิเล็กทรอนิกส์ Knob-type
ระบบเชื่อมต่อ: รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย, Built-in WiFi
กล้องบันทึกข้อมูลการขับขี่ด้านหน้ารถ: 1080p FHD
Wallbox Home Charging 7kW พร้อมติดตั้ง
ระบบความปลอดภัย
ระบบเบรก ABS: มี
เสียงเตือนเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับ
การตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS)
ระบบควบคุมระยะการจอด (เซ็นเซอร์ช่วยจอด)

Wuling Binguo EV DC ICON ปี 2025 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวัน

9
จัดฟันบางนา: วิธีการดูแล การจัดฟันแบบใส Invisalign

การจัดฟันทุกรูปแบบ ต้องได้รับการดูแลรักษามากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการเกิดฟันผุและปัญหาโรคเหงือก ซึ่งการจัดฟันแบบใส เป็นนวัตกรรมทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการจัดฟันที่ไม่ต้องใส่เหล็กจัดฟันในช่องปาก


ซึ่งจะมีเครื่องมือที่สามารถมองเห็นได้ยาก ทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟัน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบาย แต่ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส จะต้องเอาใจใส่และมีวินัยในการปฏิบัติตัว ภายหลังจากที่เข้ารับการจัดฟันแบบใส และได้ทำการใส่เครื่องมือจัดฟันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์เพื่อให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

วิธีการง่ายของการจัดฟันแบบใส ก็คือ การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ และต้องใส่เครื่องมือการจัดฟันตลอดเวลา อย่างน้อย 20-22 ชั่วโมง โดยต้องแปรงฟันให้สะอาด เพื่อป้องกันเศษอาหารเข้าไปติดในซอกฟัน และควรทำความสะอาดเครื่องมือทุกครั้งหลังจากที่เข้ารับการจัดฟันแบบใส Invisalign การล้างเครื่องมือให้สะอาดนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะการที่ผู้เข้ารับการรักษาต้องใส่มันไปในระยะยาว มีหลายคนใช้แปรงสีฟันกับยาสีฟันทำความสะอาดอุปกรณ์ แต่ว่าการขัดที่แรงเกินไปอาจจะทำให้เกิดรอยบนอุปกรณ์ได้ ลองใช้แค่น้ำในอุณหภูมิปกติกับสบู่ทำความสะอาดก็พอแล้ว

นอกจากนี้การดื่มน้ำให้มากๆ ก็เป็นอีกวิธีการทำความสะอาดและปัญหาของสุขภาพฟัน ช่วงที่ผู้เข้ารับการจัดฟันใส่เครื่องมือเข้าไปแรกๆ ช่องปากก็จะปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ที่เข้ามานี้โดยผลิตน้ำลายมากกว่าปกติ การดื่มน้ำมากขึ้นก็จะช่วยในเรื่องนี้ได้ และไม่นานหลังจากนั้นร่างกายของคุณก็จะปรับตัวเข้ากับเครื่องมือการจัดฟันได้อย่างเป็นธรรมชาติเอง นี่ก็เป็นเกร็ดความรู้ดีๆ เกี่ยวกับการดูรักษาและดูแลตัวเอง ภายหลังจากการเข้าเข้ารับการจัดฟันแบบใส

10
Doctor At Home: มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง (Colorectal cancer)

มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง เป็นมะเร็งที่พบได้เป็นอันดับที่ 3 ของมะเร็งในผู้ชาย และอันดับที่ 2 ของมะเร็งในผู้หญิง พบได้ในวัยรุ่นจนถึงผู้สูงอายุ แต่ส่วนใหญ่จะพบในกลุ่มคนอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป (พบถึงร้อยละ 90 ของผู้ป่วยทั้งหมด) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอายุ 60-79 ปี มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งชนิดนี้ ในปัจจุบันพบว่ากลุ่มคนอายุ 20-49 ปี มีโอกาสพบโรคนี้เพิ่มมากขึ้น


สาเหตุ

ยังไม่ทราบชัดเจน พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งชนิดนี้ ได้แก่

    การมีติ่งเนื้อเมือกในลำไส้ใหญ่ (adenomatous polyps) ซึ่งอาจตรวจพบโดยบังเอิญ หรือมาพบแพทย์ด้วยอาการถ่ายเป็นเลือด หากปล่อยไว้ไม่ได้ตัดออก มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
    มีประวัติว่ามีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งชนิดนี้มากกว่าผู้ที่ไม่มีประวัติดังกล่าว หากมีคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากกว่า 1 คน ก็มีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น
    มีประวัติคนในครอบครัว (พ่อหรือแม่) เป็นโรคพันธุกรรม ได้แก่ (1) โรค Familial adenomatous polyposis (FAP) ผู้ป่วยจะมีติ่งเมือกจำนวนมากเกิดขึ้นในลำไส้ใหญ่ตั้งแต่อายุน้อย และกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ก่อนอายุ 40 ปี หรือ (2) โรค Hereditary non-polyposis colorectal cancer (HNPCC) หรือ Lynch syndrome นอกจากทำให้ผู้ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่แล้ว ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งของอวัยวะอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ตับอ่อน ถุงน้ำดี ท่อน้ำดี ตับ ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก รังไข่ เยื่อบุมดลูก สมอง ผิวหนัง เป็นต้น ซึ่งมักเกิดมะเร็งเหล่านี้ตั้งแต่อายุก่อน 50 ปี และผู้ป่วยเป็นมะเร็งได้มากกว่า 1 ชนิด

ผู้ที่มีพ่อหรือแม่เป็นโรคทางพันธุกรรมชนิดใดชนิดหนึ่งข้างต้น มักจะได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรม (ยีน) จากพ่อหรือแม่ ทำให้เป็นโรคดังกล่าวตามมาได้

    มีประวัติเป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง ได้แก่ โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง (ulcerative colitis) โรคโครห์น (Crohn’s disease /CD) เพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่มากขึ้น 4-20 เท่า
    การมีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ รังไข่ มดลูก หรือเต้านมมาก่อน
    การมีประวัติได้รับการฉายรังสีรักษามะเร็งชนิดอื่นที่บริเวณท้องมาก่อน
    การกินอาหารพวกเนื้อแดงที่แปรรูป (เช่น ฮอตดอก แฮม) หรือเนื้อแดง (เนื้อหมู เนื้อวัว) ในปริมาณสูง อาหารที่มีไขมันสูง
    การกินอาหารที่มีกากใย (ผัก ผลไม้) น้อย
    การสูบบุหรี่
    การดื่มสุราจัด
    การขาดการออกกำลังกาย
    มีภาวะอ้วนหรือเป็นเบาหวาน ก็ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งชนิดนี้สูงขึ้น

อาการ

ระยะแรกมักไม่มีอาการแสดง ต่อมาเมื่อมะเร็งลุกลามมากขึ้นก็จะมีอาการผิดปกติต่าง ๆ ขึ้นกับตำแหน่งและขนาดของมะเร็ง เช่น มีอาการท้องผูกสลับท้องเดินแบบเรื้อรัง ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือดเรื้อรัง หรือถ่ายเป็นเลือดสด (ทำให้คิดว่าเป็นเพียงริดสีดวงทวาร) อุจจาระมีขนาดเล็กกว่าแท่งดินสอ มีอาการปวดท้อง หรือมีลมในท้องเรื้อรัง มีอาการปวดเบ่งที่ทวารหนักคล้ายปวดถ่ายอยู่ตลอดเวลา หรืออาจคลำได้ก้อนในท้องบริเวณด้านขวาตอนล่าง บางรายอาจมีอาการของลำไส้อุดกั้น คือปวดบิดในท้อง ท้องผูก ไม่ผายลม ซึ่งจะเป็นอยู่เพียงชั่วครู่และทุเลาไปได้เอง และกลับกำเริบใหม่เป็นครั้งคราว บางรายอาจมีอาการซีด อ่อนเพลีย น้ำหนักลด

ภาวะแทรกซ้อน

อาจเกิดภาวะโลหิตจางจากการเสียเลือด ลำไส้เกิดการอุดกั้นจากก้อนมะเร็ง

มะเร็งมักลุกลามไปที่อวัยวะข้างเคียง ในช่องท้อง (ทำให้ปวดท้อง ท้องมาน) ต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง แอ่งเหนือไหปลาร้า และในระยะท้ายมักแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปที่ปอด (เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก), ตับ (เจ็บชายโครงขวา ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องมาน), กระดูก (ปวดกระดูก กระดูกพรุน กระดูกหัก ปวดหลัง ไขสันหลังถูกกดทับ) และอาจไปที่สมอง (ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ  แขนขาชา และเป็นอัมพาต ชัก)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้นิ้วตรวจทางทวารหนักพบก้อนเนื้องอกที่ทวารหนัก (ไส้ตรง) หรือตรวจพบเลือดในอุจจาระ

แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการเอกซเรย์ลำไส้ใหญ่โดยการสวนแป้งแบเรียม (barium enema) การใช้กล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ และตัดชิ้นเนื้อนำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจหาระดับสารบ่งชี้มะเร็ง (tumor marker) ได้แก่ สารซีอีเอ (carcinoembryonic antigen/CEA ซึ่งมีส่วนช่วยในการวินิจฉัยและการติดตามผลการรักษา)

หากพบว่าเป็นมะเร็งก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI), การตรวจเพทสแกน (PET scan) เป็นต้น เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมกับรังสีบำบัดหรือเคมีบำบัด บางรายอาจต้องผ่าตัดเปิดรูถ่ายอุจจาระที่หน้าท้อง (colostomy)

ในระยะที่มะเร็งแพร่กระจายอาจให้อิมมูนบำบัด และ/หรือการใช้ยาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (targeted therapy drug) ร่วมด้วย

ผลการรักษา ถ้าตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม การรักษาด้วยการผ่าตัดสามารถทำให้หายขาดได้ ในรายที่มีการลุกลามทะลุผนังลำไส้และต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง การผ่าตัดร่วมกับเคมีบำบัด และ/หรือรังสีบำบัด ก็สามารถช่วยให้มีชีวิตยืนยาวได้นานหลายปี (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 65-90) แต่ถ้ามะเร็งแพร่กระจายไปไกล การรักษาก็มักจะได้ผลไม่สู้ดี (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 10-15) การให้อิมมูนบำบัด และ/หรือการใช้ยาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (targeted therapy drug) อาจช่วยบรรเทาอาการและช่วยให้ชีวิตยืนยาวมากขึ้น

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการท้องผูกสลับท้องเดินแบบเรื้อรัง, ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือดเรื้อรัง, ถ่ายเป็นเลือดสด (อาจทำให้คิดว่าเป็นเพียงริดสีดวงทวาร), อุจจาระมีขนาดเล็กกว่าแท่งดินสอ เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือไส้ตรง ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล อาจลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงด้วยการปฏิบัติ ดังนี้

    กินผักและผลไม้ให้มาก ๆ
    ลดอาหารพวกไขมันและเนื้อแดง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และการดื่มสุราจัด
    หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
    ควบคุมโรคเบาหวาน (ถ้าเป็น) และน้ำหนักตัว

ข้อแนะนำ

1. สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคมะเร็ง ไม่มีประวัติเป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคติ่งเนื้อเมือกหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ และไม่มีอาการผิดปกติทางระบบลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเมื่อมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้

    การตรวจหาเลือดในอุจจาระ (fecal occult blood test/FOBT ซึ่งในปัจจุบันแนะนำให้ทำการตรวจด้วยวิธี "Fecal immunochemical test/FIT") ถ้าผลเป็นบวก (พบเลือดในอุจจาระ) จะตรวจกรองเพิ่มเติมด้วยการใช้กล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ (colonoscopy) ถ้าผลเป็นลบ (ไม่พบเลือดในอุจจาระ) ให้ตรวจซ้ำปีละ 1 ครั้ง
    การใช้กล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ (colonoscopy) ทุก 10 ปี
    การถ่ายภาพลำไส้ใหญ่ด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT colonoscopy หรือ virtual colonoscopy) ทุก 5 ปี

สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีพ่อแม่พี่น้องเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือ Familial adenomatous polyposis (FAP) หรือ Hereditary non-polyposis colorectal cancer (HNPCC), ผู้ที่เคยมีประวัติเป็นติ่งเนื้อเมือกในลำไส้ใหญ่ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ รังไข่ มดลูก หรือเต้านมมาก่อน ควรทำการตรวจกรองโรคในช่วงอายุน้อยกว่า 50 ปี (ตั้งแต่อายุ 40 ปี หรือน้อยกว่า) และตรวจถี่กว่าคนปกติทั่วไปตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเห็นสมควร

2. เมื่อมีอาการถ่ายเป็นเลือดสด อย่าคิดว่าเป็นเพียงริดสีดวงทวาร ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจทางทวารหนัก โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี หรือถ่ายออกเป็นเลือดนานและมาก

3. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

11
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


12
ข้อสังเกตเมื่อท่อลมร้อน ทำงานผผิดปกติ

เมื่อท่อลมร้อนในโรงงานทำงานผิดปกติ อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อประสิทธิภาพการผลิต, คุณภาพสินค้า, และที่สำคัญที่สุดคือ ความปลอดภัย การสังเกตและรับรู้สัญญาณความผิดปกติได้รวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีและป้องกันความเสียหายที่รุนแรงขึ้น

ข้อสังเกตเมื่อท่อลมร้อนทำงานผิดปกติ
คุณสามารถสังเกตความผิดปกติได้จากหลายสัญญาณ ทั้งจากการมองเห็น, การได้ยิน, การสัมผัส, หรือการเปลี่ยนแปลงของกระบวนการผลิต:

1. สัญญาณจากการมองเห็น

ควัน/ไอ/ลมร้อนรั่วไหล:
เห็นควัน, ไอ, หรือมีลมร้อนพวยพุ่งออกมาจากรอยต่อ, ตะเข็บ, หรือรอยแตกร้าวของท่อ
อาจเห็นการเปลี่ยนสีของฉนวนหรือบริเวณรอบๆ จุดรั่ว เนื่องจากความร้อนสูง
บ่งชี้: รอยรั่วที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดการสูญเสียความร้อนและพลังงานอย่างมาก ประสิทธิภาพระบบลดลง และเป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน
ฉนวนกันความร้อนเสียหาย/หลุดร่อน:
ฉนวนเปียกชื้น, ถูกกัดแทะ, ฉีกขาด, หลุดร่อน, หรือมีรอยไหม้
บ่งชี้: ความร้อนจะรั่วไหลออกสู่ภายนอก ทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน อุณหภูมิโดยรอบสูงขึ้น และเสี่ยงต่อการสัมผัสพื้นผิวร้อนจัดของท่อ
ท่อลมบิดเบี้ยว/ผิดรูป/ยุบตัว:
ท่อโก่งงอ, บุบ, หรือมีรูปทรงที่ไม่ปกติ
บ่งชี้: อาจเกิดจากการที่ท่อไม่สามารถรับแรงดันได้ (เช่น ท่ออ่อนยุบตัว), การติดตั้งไม่แข็งแรงพอ, หรือการขยายตัว/หดตัวของท่อจากอุณหภูมิที่รุนแรง
จุดยึดท่อเสียหาย/หลวม:
ตัวยึด, แฮงเกอร์, หรือโครงสร้างรองรับท่อมีสนิม, คลายน็อต, หรือมีการเคลื่อนที่
บ่งชี้: ท่ออาจหย่อนตัว, สั่นสะเทือนมากเกินไป, หรือหลุดร่วงลงมาได้ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
การสะสมของฝุ่น/สิ่งสกปรก:
มีฝุ่นหนา, ใยแมงมุม, หรือสิ่งสกปรกอื่นๆ เกาะอยู่ภายนอกท่อจำนวนมาก หรือมองเห็นการสะสมภายในท่อ (หากมีช่องเปิด)
บ่งชี้: การสะสมภายในท่อจะขัดขวางการไหลของลม ทำให้ประสิทธิภาพลดลง และอาจเป็นเชื้อเพลิงในกรณีเกิดอัคคีภัย
น้ำหยด/ความชื้นรอบท่อ:
มีหยดน้ำเกาะหรือน้ำหยดลงมาจากท่อ โดยเฉพาะในจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ
บ่งชี้: เกิดการควบแน่นภายในท่อ ซึ่งอาจเกิดจากการที่ฉนวนไม่เพียงพอ หรือความแตกต่างของอุณหภูมิภายในและภายนอกท่อมากเกินไป


2. สัญญาณจากการได้ยิน

เสียงลมรั่ว/เสียงฟู่:
ได้ยินเสียงลมรั่วออกจากท่อ ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนของรอยรั่ว
เสียงดังผิดปกติจากพัดลม/อุปกรณ์:
เสียงหอน, เสียงหวีด, เสียงครืดคราด, เสียงกระทบกัน หรือเสียงสั่นสะเทือนจากพัดลม
บ่งชี้: พัดลมทำงานผิดปกติ, ใบพัดไม่สมดุล, ลูกปืนเสีย, หรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในพัดลม
เสียงลมตี/เสียงหวีดในท่อ:
เสียงลมไหลแรงเกินไป หรือเสียงหวีดที่เกิดจากการไหลของอากาศที่ไม่ราบรื่นภายในท่อ
บ่งชี้: การออกแบบขนาดท่อไม่เหมาะสม, การมีสิ่งกีดขวางในท่อ, หรือแดมเปอร์ปรับไม่ถูกต้อง


3. สัญญาณจากการสัมผัส/ความรู้สึก

อุณหภูมิพื้นผิวท่อภายนอกสูงผิดปกติ:
หากพื้นผิวท่อภายนอก (ที่ควรจะมีฉนวนหุ้ม) ร้อนจัดเมื่อสัมผัส หรือแผ่ความร้อนออกมามากผิดปกติ
บ่งชี้: ฉนวนกันความร้อนเสียหาย, ไม่มีฉนวน, หรือระบบมีการทำงานที่อุณหภูมิสูงกว่าปกติ เป็นอันตรายต่อการสัมผัสและเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้
อากาศในพื้นที่ร้อนขึ้นผิดปกติ:
อุณหภูมิโดยรอบท่อลมสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รู้สึกร้อนผิดปกติในพื้นที่ทำงาน
บ่งชี้: การสูญเสียความร้อนจากท่อที่ไม่มีฉนวน หรือมีรอยรั่วขนาดใหญ่


4. สัญญาณจากการทำงานของระบบ/กระบวนการผลิต

อุณหภูมิที่ปลายทางไม่ถึงที่ต้องการ:
ลมร้อนที่ออกมาจากช่องจ่ายลมมีอุณหภูมิต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แม้ว่าแหล่งกำเนิดความร้อนจะทำงานปกติ
บ่งชี้: เกิดการสูญเสียความร้อนตลอดแนวท่อจากรอยรั่วหรือฉนวนเสียหาย หรือปริมาณลมไม่พอ
ผลิตภัณฑ์อบไม่แห้ง/บ่มไม่สมบูรณ์:
ผลผลิตที่ออกมาไม่ได้คุณภาพตามที่คาดหวัง เช่น แห้งไม่ทั่วถึง, สีไม่ติด, วัสดุไม่แข็งตัว
บ่งชี้: ปริมาณลมร้อนไม่เพียงพอ, อุณหภูมิลมร้อนไม่ถึง, หรือการกระจายลมไม่สม่ำเสมอ
พัดลมทำงานหนักขึ้น/ใช้พลังงานมากขึ้น:
เครื่องวัดกระแสไฟฟ้าของมอเตอร์พัดลมแสดงค่าสูงขึ้นผิดปกติ หรือพัดลมมีเสียงดังจากการทำงานหนัก
บ่งชี้: อาจมีการอุดตันในท่อ, แดมเปอร์ปิดผิดปกติ, หรือแรงต้านทานในระบบเพิ่มขึ้น
ระบบควบคุมแสดงผลผิดพลาด/เตือน:
เซ็นเซอร์อุณหภูมิหรือแรงดันแสดงค่าผิดปกติ หรือระบบควบคุมมีสัญญาณเตือน (Alarm) ขึ้น


เมื่อพบความผิดปกติ ควรทำอย่างไร?

หยุดการทำงานของระบบทันที: หากเป็นความผิดปกติที่อาจก่อให้เกิดอันตราย (เช่น รอยรั่วขนาดใหญ่, กลิ่นไหม้, อุณหภูมิพื้นผิวสูงมาก)
แจ้งผู้รับผิดชอบ/ช่างเทคนิค: แจ้งทีมซ่อมบำรุง หรือผู้เชี่ยวชาญทันที
ห้ามซ่อมแซมเอง: หากไม่มีความรู้และประสบการณ์ที่เพียงพอ
ตรวจสอบสาเหตุ: ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงและดำเนินการแก้ไขตามขั้นตอนที่ถูกต้อง

การสังเกตการณ์อย่างรอบคอบและการตอบสนองที่รวดเร็วต่อสัญญาณความผิดปกติ จะช่วยให้โรงงานสามารถลดความเสี่ยง, รักษาประสิทธิภาพการผลิต, และยืดอายุการใช้งานของระบบท่อลมร้อนได้ครับ

13
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


14
ปล่อยรถราคาพิเศษ Toyota Camry 2.0 G ออกรถ 0 บาท การันตีคุณภาพตัวรถ

โตโยต้า Toyota Camry 2.0 G
All NEW Toyota Camry ที่สมบูรณ์แบบด้วยภาพลักษณ์ดีไซน์สปอร์ต หรูหรา ผ่านการออกแบบอย่างพิถิพิถัน เด่นชัดด้วยเส้นสายรอบคัน สื่อถึงความคล่องแคล่ว ปราดเปรียว ภายในกว้างขวาง ใส่ใจในทุกรายละเอียดการตกแต่ง พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมเหนือใคร จากสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA ที่ช่วยผสานยนตรกรรมกับผู้ขับขี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า ให้ความมั่นใจในทุกสถานการณ์การขับขี่  ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เหนือความคาดหมาย ถือเป็นยนตรกรรมที่โดดเด่นและเหนือระดับอย่างแท้จริง 

All NEW Toyota Camry ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด Unprecedented Change ปรากฎการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ โดยได้นำสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ของโตโยต้า TNGA ที่ถือเป็นหลักในการปฏิรูปโครงสร้างและเครื่องยนต์ มาปรับใช้กับคัมรีใหม่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายภายใต้แนวคิดการท้าทายในการผลิตยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่าของโตโยต้า (Ever-Better Cars)

All NEW Toyota Camry ดีไซน์ภายนอกสปอร์ต หรูหรา ภายในกว้างขวาง พิถีพิถันในทุกการออกแบบ รูปลักษณ์สปอร์ต เส้นสายที่คมชัด ดูโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว และยังคงรักษาพื้นที่ภายในกว้างขวาง ทันสมัย สัมผัสได้ถึงความละเอียดปราณีตในการออกแบบ เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ทันสมัย ง่ายต่อการใช้งานทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่สุดของสมรรถนะการขับขี่ สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 2 พ.ค. - 31 พ.ค. 2568
ออกรถ 0 บาท,ประกันเครื่อง/เกียร์ 2ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร
การันตีคุณภาพตัวรถ หากตรวจพบ ชนหนัก กรอไมล์ ไฟไหม้ น้ำท่วม รับคืน 100% (มีค่าเสียเวลา)

ราคาพิเศษ 880,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

ข้อมูลทั่วไป

เครื่องยนต์                  6AR-FBS VVT-iW & D-4S
ขนาดเครื่องยนต์ (CC)    1,998 CC
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า) 167 แรงม้า
ระบบเกียร์                    เกียร์ออโต้ 6AT
รูปแบบเกียร์                  แบบ E-CVT
ระบบเบรค ABS            มี (พร้อมระบบกระจายแรงเบรค EBD และระบบช่วยเบรก BA)
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง    เบนซิน 95,แก๊สโซฮอล์ 95 (E10),เบนซิน E20,เบนซิน E85
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)     N/A
ระบบจ่ายน้ำมัน             EFi
น้ำหนักตัวรถ                -
ประเภทยางรถยนต์         -
ขนาดล้อ (นิ้ว)
ระบบขับเคลื่อน             ขับเคลื่อนล้อหน้า


15
บริการทำความสะอาด: เคล็ดลับแม่บ้าน ฟองน้ำปราศจากเชื้อโรค

ฟองน้ำล้างจาน ถือเป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดที่มีไว้ขัดหม้อ ล้างจาน ชาม ช้อน ส้อม ให้สะอาดแต่หารู้ไม่ว่าฟองน้ำล้างจานที่เหล่าแม่บ้านใช้กันอยู่ทุกวันกลับเป็นแหล่งสะสมสิ่งสกปรกและเชื้อโรคสุดสกปรกเอาไว้มากมายเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นสาร ที่ปนเปื้อนมากับเนื้อสัตว์ดิบเมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษหรือท้องร่วงรุนแรงมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และมีไข้สูงตามมา

แม่บ้านหลายคนคงต้องเคยเจอปัญหาเวลาที่ล้างจานหรือทำความสะอาดในส่วนของอ่างล้างจานหรือบริเวณอื่นๆซึ่งคงกังวลกับเชื้อโรคที่อาจจะติดมากับฟองน้ำ ซึ่งในตัวฟองน้ำนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นตัวช่วยในการชำระล้างสิ่งสกปรกแต่ต้องบอกว่าฟองน้ำ เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค

ดังนั้น เราจะต้องรู้จักวิธีการทำความสะอาดฟองน้ำล้างจาน ให้ปราศจากเชื้อโรคซึ่งมีวิธีการไม่ยากเลย เพียงแค่นำเคล็ดลับมาใช้เพียงเท่านี้เราก็จะมีฟองน้ำที่ปราศจากเชื้อโรคได้แล้ว  วันนี้จะนำเคล็ดลับในการทำความสะอาดฟองน้ำล้างจานซึ่งต้องบอกเลยว่า ปัญหาในเรื่องนี้อาจจะให้แม่บ้านกังวลว่าเชื้อโรคอาจจะปนเปื้อนมาในภาชนะที่เรานำมาใส่จานได้แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป หากแม่บ้านนำเคล็ดลับที่แนะนำ นำมาใช้ทำความสะอาดฟองน้ำในบ้านคุณ

สำหรับการทำความสะอาดฟองน้ำ ในขั้นตอนแรกที่หลายคนเคยนำไปใช้นั่นก็คือ การนำฟองน้ำไปตากแดดให้แห้ง เพื่อฆ่าเชื้อโรคและสิ่งสกปรกที่อาจจะตกค้างไปยังภาชนะหรือของใช้อื่น ๆ ในครัว

หลังจากล้างจานเสร็จควรล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพื่อกำจัดน้ำยาล้างจานและฟองที่ยังตกค้างอยู่ออกไปจนเกลี้ยงเสร็จแล้วก็บีบน้ำออกจนฟองน้ำแห้ง พร้อมกับนำไปตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก่อนนำมาเก็บไว้ในที่แห้งนี่ถือเป็นวิธีการทำความสะอาดฟองน้ำในเบื้องต้นที่ทำได้ง่ายและนิยมใช้กัน

นอกจากนี้ ในการทำความสะอาดฟองน้ำ ที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็คือควรทำความสะอาดฟองน้ำสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพราะไม่อย่างนั้น อัตราความเสี่ยงในการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียก็จะเพิ่มมากขึ้นและส่งผลต่อสุขภาพของเราด้วย

อีกวิธีที่ได้ผลดีที่สุดก็คือ การนำฟองน้ำไปทำความสะอาดในเครื่องซักผ้าโดยตั้งโปรแกรมที่อุณหภูมิสูงสุดเพื่อฆ่าแบคทีเรีย เพียงเท่านี้ฟองน้ำของคุณก็จะปราศจากเชื้อโรค

อีกวิธีหนึ่งที่นิยมทำกันก็คือ การทำความสะอาดฟองน้ำในอ่างล้างจานด้วยน้ำร้อนและน้ำยาแอนตี้แบคทีเรียทำความสะอาดฟองน้ำด้วยมือและนำไปแช่ไว้ในน้ำและผงซักฟอกโดยใส่น้ำร้อน 1 แกลอนผสมกับผงซักฟอก 1 ช้อนโต๊ะและแช่ไว้ 1 ชั่วโมงแล้วนำมาตากไว้ให้แห้ง

และวิธีสุดท้ายก็คือ นำฟองน้ำที่เปียกใส่ไว้ในไมโครเวฟและตั้งโปรแกรมความร้อนสูงใส่ไว้สองนาทีทำให้มั่นใจว่าก่อนการทำความสะอาดแบบนี้จะต้องไม่มีชิ้นส่วนใดๆหรือเศษโลหะอยู่ในฟองน้ำและในการทำวิธีนี้ควรระวัง เนื่องจากฟองน้ำสามารถไหม้ได้ หากฟองน้ำไม่มีความชื้นเหลืออยู่และระวังหลังทำการอบเสร็จเนื่องจากฟองน้ำจะร้อนมาก วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากเนื่องจากเป็นวิธีที่เร็วและได้ผลลัพธ์ที่ดีอีกวิธีการหนึ่ง

ทั้งหมดนี้ก็คือเคล็ดไม่ลับ สำหรับแม่บ้านที่กังวลและกำลังหาวิธีการในการทำความสะอาดฟองน้ำให้ปราศจากเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ คลายความกังวลในเรื่องของเชื้อโรคที่อาจจะตกค้างและปนเปื้อนในภาชนะที่เราใช้รับประทานอาหารได้

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของเคล็ดลับการทำความสะอาดบ้านหรือตามอาคารสำนักงานต่างๆทางเราได้เล็งเห็นถึงความสะอาดปลอดภัย
อยากให้ทุกคนได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีความสะอาดมากที่สุด เพราะในสถานการณ์ปัจจุบันนั้นในเรื่องของความสะอาดถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ด้วยแล้วการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคตามจุดต่างๆในบ้านหรืออาคารสำหนักงานถือว่าเป็นสิ่งที่เราจะต้องทำเป็นประจำเพราะฉะนั้นจึงมีความห่วงใยในเรื่องของสุขภาพและความปลอดภัยของร่างกายอีกทางหนึ่งของคนในสังคม และเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมี ประสิทธิภาพในทุกสภาพแวดล้อม

หน้า: [1] 2 3 ... 52